การตอบรับประสาทในโรคดิสเล็กเซีย และภาวะความบกพร่องทางการเรียนรู้"
มีหลายกรณีที่เด็กไม่เพียงแต่พูดช้า แต่ว่าเด็กไม่ยอมพูดเลย หรือพูดบ้าง แต่ก็พูดน้อยจนเกือบจะเรียกได้ว่าไม่พูดเลย
ซึ่งในกรณีเช่นนี้สิ่งสำคัญในการรับมือขั้นต้นก็คือ พ่อและแม่ต้องสามารถที่จะยอมรับความจริงให้ได้เสียก่อนว่าลูกมีพัฒนาการช้า
หรือมีพัฒนาการที่ผิดปกติ เพราะมีพ่อแม่หลายคนที่ไม่เข้าใจและไม่พอใจที่ลูกไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ
ซึ่งการแสดงออกที่รุนแรงต่อเด็ก จะไม่ช่วยให้เด็กพูดได้แต่อย่างใด
เมื่อพ่อแม่สามารถทำความเข้าใจในความแตกต่างนี้ของลูกได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพาลูกไปพบกับผู้เชี่ยวชาญ
เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุว่าทำไมเด็กจึงพูดช้า หรือทำไมเด็กไม่ยอมพูด จากงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร “Clinical EEG and Neuroscience”
ในปี 2018 ศึกษาผลของการฝึกนิวโรฟีดแบคในกลุ่มเด็กที่มีความผิดปกติทางพัฒนาการทางการพูดและภาษา
เด็ก ๆ ได้รับการฝึกอบรม neurofeedback 20 ครั้งในช่วง 10 สัปดาห์ นักวิจัยพบว่าหลังจากการฝึกอบรม เด็กๆ
มีพัฒนาการด้านการพูดและความสามารถทางภาษาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการออกเสียง คำศัพท์ และไวยากรณ์ที่ดีขึ้น
การศึกษาอื่นที่ตีพิมพ์ในวารสาร “Behavioral and Brain Functions” ในปี 2014 ดูที่การใช้ neurofeedback
สำหรับเด็กที่มีโรคออทิสติกสเปกตรัม (ASD) ที่มีปัญหาในการพูดและการสื่อสาร ผลการศึกษาพบว่าหลังจากการฝึก neurofeedback 40 ครั้ง
เด็กๆ แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางภาษาที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงความสามารถในการรับและการแสดงออกทางภาษาที่ดีขึ้น
จากการศึกษาเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าการเทรนสมองเป็นเครื่องมือที่มีแนวโน้มดีในการช่วยเด็กที่มีปัญหาในการพูดและการสื่อสารมีพัฒนาการ
ไปในทิศทางที่ดีขึ้น นิวโรฟีดแบคไม่รุกรานสมอง ไม่ต้องใช้ยา และเห็นผลได้ระยะยาว
“เรื่องสมองไว้ใจเรา เพราะเรารู้ดี”
Chiangmai Neurofeedback Center
Line. neurofeedback
Tel. 0914838063

